วิธีเลือกน้ำมันปลา น้ำมันปลาที่ดี ต้องดูอย่างไร
น้ำมันปลาที่ดี ต้องดูอย่างไร วิธีเลือกน้ำมันปลา แหล่งสำคัญของกรดไขมัน โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ และต้องได้รับจากอาหารในปริมาณที่เพียงพอ
กรดไขมัน โอเมก้า 3 ประกอบไปด้วย
EPA
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์
- เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
- ช่วยลดความหนืดและทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี
- ป้องกันหลอดเลือดตีบและอุดตัน จึงช่วยป้องกันสาเหตุหลักของการเกิดโรคหัวใจล้ม
- เหลวได้
- ช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากโรคข้อเสื่อม และข้ออักเสบรูมาตอยด์
DHA
- มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง
- ทำให้เซลล์สมองแข็งแรง
- ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง
น้ำมันปลาที่ดีต้องดูอย่างไร
ต้องมีสารสำคัญที่ดี
- ต้องมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า 3 ที่ประกอบไปด้วย DHA และ EPA ในสัดส่วนและปริมาณที่เหมาะสม
- DHA : EPA = 1:2 หรือ 2:3
- ใน 1,000 มก. ควรมี DHA + EPA > 200 มก.
สุดยอดคุณประโยชน์ของน้ำมันปลากับการดูแลสุขภาพ
น้ำมันปลากับการบำรุงสมอง
- ช่วยให้คิดไวขึ้น
- ความจำดี
- สมองสดชื่น ไม่อ่อนล้า
- ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์
น้ำมันปลากับการดูแลหัวใจ
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
- ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- ป้องกันหลอดเลือดอุดตันจากการจับตัวของเกล็ดเลือด
- ป้องกันการเกิดตะกอน (Plaque) สาเหตุของหลอดเลือดตีบและอุดตัน
น้ำมันปลากับโรคข้อเสื่อม และข้ออักเสบรูมาตอยด์
- ช่วยลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบและบวมของข้อได้
ประโยชน์ของน้ำมันปลา ในแต่ละช่วงวัย
ข้อมูลเพิ่มเติม : น้ำมันปลาสำหรับเด็ก แบบไหนดี อายุเท่าไหร่ถึงทานได้
ทารกและสตรีมีครรภ์
- เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง
วัยเรียน
- เสริมสร้างสมาธิ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
วัยทำงาน
- เสริมสร้างสมาธิ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ เป็นต้น
ผู้สูงอายุ
- เพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ และบรรเทาอาการของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคข้อเสื่อม โรคเบาหวาน เป็นต้น
คำแนะนำและข้อควรรู้เกี่ยวกับน้ำมันปลา
- หากคุณไม่ชอบรับประทานปลาหรือไม่สามารถรับประทานปลาได้อย่างสม่ำเสมอ สามารถเลือกรับประทานอาหารเสริมประเภทน้ำมันปลาหรือ Fish Oil แทนได้
- ในกรณีต้องการรับประทานน้ำมันปลาในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควรรับประทานในปริมาณที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำและไม่ควรรับประทานน้ำมันปลาในปริมาณมากเกินไป เพราะทำให้มีเลือดออกและเลือดไม่แข็งตัว
- ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ ศึกษาวิธีการเลือกซื้อและการรับประทานที่เหมาะสม แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรที่กำลังใช้อยู่
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวและต้องการใช้น้ำมันปลาเป็นการรักษาเสริม อย่างผู้ป่วยโรคหัวใจหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับไขมันเลือด ควรปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณการบริโภคที่เหมาะสม
- แม้จะรับประทานน้ำมันปลาแล้วก็ควรจะรับประทานอาหารอื่น ๆ ให้ถูกหลักโภชนาการด้วย
ที่มาจาก : medthai.com
สามารถนำรหัสสมาชิก 48004219 ไปซื้อได้ที่ศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : WeLoveGiffarine
Email : mai-mee-jai@hotmail.com
โทร. 090-0491594
Line : @welove.giffarine