เลซิติน คืออะไร ปกป้องตับ บำรุงสมอง ดูแลหลอดเลือดและหัวใจ ได้จริงหรือ??

เลซิติน คืออะไร ??

          เลซิติน คืออะไร เลซิติน (Lecithin) เป็นไขมันในกลุ่มฟอสโฟไลปิด (Phospholipid) ซึ่งอุดมด้วย สารฟอสฟาทิดิล โคลีน (Phosphatidyl choline) ที่มีคุณสมบัติเข้ากันได้กับทั้งน้ำและน้ำมัน ถือเป็นตัวทำละลายที่ดี ช่วยในการทำละลายโคเลสเตอรอลในเลือดให้แตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กๆ จึงลดการสะสมของไขมันที่ตับและลดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี

 

คุณสมบัติของ เลซิติน

1. ดูแลตับ มีส่วนช่วยปกป้องตับจากการเกิดภาวะ ไขมันพอกตับ บำรุงตับ ป้องกันตับอักเสบ ป้องกันตับแข็ง
2. บำรุงสมอง ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ เสริมสร้างความจำ และลดอาการอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้น
3. ดูแลหลอดเลือดและหัวใจ ละลายไขมัน ป้องกันการตกตะกอนของไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งและตีบตัน ป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต
4. ลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล ลดระดับโคเลศเตอรอลชนิดเลว (LDL) ได้ถึง 50%
5. ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
6. ช่วยลดน้ำหนัก ลดไขมันสะสม โดยช่วยละลายไขมัน จึงเผาผลาญไขมันได้ดี

แหล่งที่พบเลซิติน

          พบมากในถั่วเหลือง, ถั่วลิสง, ไข่ และตับ แต่ในถั่วเหลืองจะพบมากที่สุด ซึ่งเลซิตินที่สกัดจากถั่วเหลืองจะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันสุขภาพได้ดีกว่าแหล่งอื่นๆ เพราะมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

 

สารฟอสฟาทิดิลโคลีน ในเลซิตินมีบทบาทในการบำรุงตับ ดังนี้

1. ช่วยในการกำจัดไขมันออกจากเซลล์ตับ
2. ยับยั้งการสะสมไขมันในเซลล์ตับ

เลซิตินที่มีฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง จะช่วยแก้ปัญหาไขมันพอกตับได้เป็นอย่างดี

ตับ เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย

          ทำหน้าที่สำคัญหลายประการ เมื่อใดก็ตามที่ตับทำงานไม่เป็นปกติ เช่น ไขมันพอกตับ, ตับอักเสบ, ตับแข็ง จะเกิดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ภูมิต้านทานต่ำ ขาดโปรตีน บวม เลือดออกง่าย แผลหายช้า น้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำกว่าปกติ ไขมันในเลือดสูง ท้องมาน อาการทางสมอง ไตวาย หัวใจวาย และส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายในทุกระบบ

 

ทราบหรือไม่…

70%  ของคนอ้วน จะมีภาวะไขมันพอกตับ และมีความเสี่ยงต่อภาวะตับอักเสบและตับแข็ง

95%  ของคนอ้วนที่ดื่มสุรา จะมีภาวะไขมันพอกตับ และมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นตับอักเสบ และตับแข็ง

30%  ของคนทั่วไป มีภาวะไขมันพอกตับ (ศึกษาโดยการตรวจเนื้อเยื่อ) OJM: monthly of the Assoclation of Physicians, 11/2003;96 (10) 699-709.

80%   ของผู้ป่วยเบาหวาน มีภาวะไขมันพอกตับ และมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคตับแข็ง สูงกว่าเสียชีวิตจากโรคหัวใจด้วยสัดส่วน 2.7 : 1.8

40%   ของผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับ จะกลายเป็นโรคเบาหวาน Gastroenterology and Hepatology, 2007; 22: 794-800

 

การได้รับเลซิตินเดียงอย่างเดียว อาจแก้ปัญหาทางสุขภาพได้ไม่เพียงพอ

          ถึงแม้ว่าเลซิตินจะช่วยลดการสะสมไขมันที่ตับและผนังหลอดเลือดได้ แต่ก็ยังคงหลงเหลือไขมันตัวร้ายบางส่วนที่ยังสะสมอยู่ในเซลล์ดังกล่าว และยังมีไขมันบางส่นในกระแสเลือดที่มีโอกาสเกิดการสะสมพอกพูนได้เพิ่มเติม
          ดังนั้น ร่างกายจึงต้องการสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงเพิ่มเติม เพื่อปกป้องไขมันเหล่านี้ไม่ให้เกิดการออกซิเดชั่น อีกทั้งยังเป็นการลดการอักเสบของเซลล์ จึงลดโอกาสการเกิดไขมันพอกตับและโรคหลอดเลือด รวมถึงโรคหัวใจได้อีกทางนั่นเอง

          อย่าปล่อยให้มีอนุมูลอิสระเยอะ เสริมประสิทธิภาพการทำงานของเลซิตินได้อย่างเต็มที่ ด้วยแคโรทีนอยด์จากธรรมชาติ 4 ชนิด และวิตามินอี เพราะเลซิตินเพียงอย่างเดียว แก้ปัญหาสุขภาพตับ สมอง หัวใจ หลอดเลือด มะเร็ง และผิวพรรณ ได้เพียง 30% แต่หากได้รับเลซิตินชนิดฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง เสริมด้วยแคโรทีนอยด์จากธรรมชาติ 4 ชนิด และวิตามินอี จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ถึง 100%

 

หากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เหมาะสม

จะสามารถยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันในตับ จึงช่วยป้องกัน ตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับอย่างได้ผล

 

แคโรทีนอยด์รวม

ป้องกันการเกิดมะเร็งตับจากพิษ Aflatoxin B1 (พิษจากเชื้อรา) Carcinogenesis, 1998 Mar; 19(3): 403-411

แคโรทีนอยด์รวม

ปกป้องตับจากเหล้าและภาวะน้ำตาลในเลือดสูงในคนไข้เบาหวาน International Symposium on Human Health: Favhealth 2007

การเสริมแคโรทีนอยด์รวมร่วมกับ วิตามิน อี

จะเสริมฤทธิ์กันในการปกป้องเซลล์ตับจากอนุมูลอิสระ Toxical and Health, 2009 May-June; 25(4-5): 311-320

การเสริมแคโรทีนอยด์รวมร่วมกับ วิตามิน อี

ลดการเกิดมะเร็งตับในคนไข้ติดเชื้อไวรัสอักเสบได้ถึง 50% National Cancer Center Kyoto Perfectural University of Medicine, Kyoto, Japan

วิตามิน อี

ลดการอักเสบของตับ ศึกษาในคนไข้ตับอักเสบ อายุ 18-70 ปี ในประเทศตรุกี Current Therapeutic Research, 2004 May-June; 65(3): 266-277

แคโรทีนอยด์จากธรรมชาติ 4 ชนิด

(อัลฟาแคโรทีน เบต้าแคโรทีน แกมม่าแคโรทีน และไลโคปีน)

สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความแก่และความเสื่อมของเซลล์ ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม

• ดูแลปกป้องตับ โดยยับยั้งการเข้าจู่โจมของอนุมูลอิสระต่อเซลล์ตับ จึงลดการสะสมของไขมันในตับ
• ป้องกันตับอักเสบ ป้องกันการเกิดมะเร็งตับจากพิษ Aflatoxin B1 (พิษจากเชื้อรา) และปกป้องตับจากเหล้ารวมทั้งภาวะน้ำตาลในเลือดสูงในคนไข้เบาหวาน
• ลดการทำลายผนังหลอดเลือดจากอนุมูลอิสระ ป้องกันหลอดเลือดอักเสบและลดการออกซิเดชั่นของไขมันในหลอดเลือด จึงลดการเกิดไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือด ป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ลดโอกาสการเกิดหลอดเลือดตีบตันของทุกอวัยวะ
• ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งทุกชนิด ปกป้องสารพันธุกรรมจากการจู่โจมของอนุมูลอิสระ
• ปกป้องเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวพรรษสดใส อ่อนวัย

 

วิตามินอี Tocopherol

เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในร่างกาย แต่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหาร

• ช่วยต้านไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ขยายหลอดเลือดฝอย
• ป้องกันการเกาะตัวของเกร็ดเลือดที่ผนังหลอดเลือด
• ลดโคเลสเตอรอล
• มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

ซึ่งการใช้แคโรทีนอยด์และวิตามินอีร่วมกัน จะส่งเสริมประสิทธิภาพการต้านออกซิเดชั่นได้ดียิ่งขึ้น

เลซิติน ชนิดฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง เสริมด้วย แคโรทีนอยด์รวมจากธรรมชาติ 4 ชนิด และวิตามิน อี จึงเหมาะกับบุคคลดังต่อไปนี้

• ผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับการทำงานของตับไม่ปกติ เช่น การย่อยอาหารไม่ดี แน่นท้อง จุกเสียด เป็นประจำ อ่อนเพลียง่าย
• ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ บี และซี
• ผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ
• ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติคนในครอบครัวที่มีความเสี่ยงต่อการเป็น

          –  โรคเกี่ยวกับตับ ไขมันพอกตับ
          –  เบาหวาน
          –  อ้วน
          – โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต
          – มะเร็ง
          – ความดันโลหิตสูง
          – ไขมันในเลือดสูง โคเลสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง

• ผู้ที่ต้องการการบำรุงตับ
• ผู้ที่ต้องการการบำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์
• ผู้ที่ต้องการการบำรุงและปกป้องระบบหลอดเลือดและหัวใจ
• ผู้ที่ต้องการการบำรุงผิวพรรณ
• ผู้สูงอายุ (50 ปีขึ้นไป)