น้ำแครนเบอร์รี่ กิฟฟารีน
ลดการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยเรื่องกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด สุขภาพในช่องปาก และโรคมะเร็ง
น้ำแครนเบอรี่สกัดเข้มข้น ผสมน้ำองุ่นจากน้ำผลไม้เข้มข้น (ตรา กิฟฟารีน)
วิธีรับประทาน : รับประทานโดยตรง หรือเจือจางด้วยน้ำเย็น
วิธีเจือจาง : น้ำแครนเบอรี่สกัดเข้มข้นผสมน้ำองุ่น 2 ส่วน ต่อน้ำเย็น 1 ส่วน
หมายเหตุ ผลิตจากน้ำแครนเบอรี่อาจมีการตกตะกอนธรรมชาติ ไม่มีผลต่อคุณภาพของน้ำแครนเบอรี่ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ขนาด 700 มล.
ราคาปกติ : 640 บาท
ราคาสมาชิก : 480 บาท (480 PV)
เรื่องน่ารู้ของแครนเบอรี่
แครนเบอรี่ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vaccinium macrocarpon เป็นผลไม้ตระกูลเบอรี่มีลักษณะเป็นไม้เลื้อยที่นิยมปลูกเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ในประเทศสหรัฐอเมริกาผลแครนเบอรี่มีสีแดงสดและมีรสเปรี้ยวอมหวาน สามารถนำมาบริโภคทั้งในรูปผลสด ผล ตากแห้ง และน้ำคั้น
แครนเบอรี่ เป็นผลไม้ที่ประกอบไปด้วยสารพฤกษเคมี (Phytochemicals) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤษเคมีที่สำคัญในแครนเบอรี่ได้แก่ โปรแอนโธไซยานิดิน (Proanthocyanidins) คาเทซิน (Catechins) ไตรเทอปีนอยด์ (Triterpenoids) กรดควินิค (Quinic acid) กรดฮิพพิวริค (Hippuric acid) และแทนนิน (Tannin) โดยเฉพาะสารโปรแอนโธไซยานิดิน สามารถป้องกันการยึดเกาะของแบคทีเรียกับเนื้อเยื่อในร่างกาย ด้วยเหตุนี้แครนเบอรี่จึงถูกนำไปใช้ในการป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดิน ปัสสาวะ แผลในกระเพาะอาหาร และการเกิดคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งมีรายงานว่าการบริโภคแครนเบอรี่สามารถลดการเจริญเติบโตของเซลล์ มะเร็งเต้านมในสัตว์ทดลอง ความเป็นกรดอ่อนๆ ของแครนเบอรี่ยังช่วยป้องกันการเกิดนื่วในไตได้อีกด้วย (อ้างอิงที่ 1)
นอกจากนี้มีรายงานทางการแพทย์มากมายเกี่ยวกับการบริโภคแครนเบอรี่ว่า สามารถลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอดและอื่นๆ ได้อีกมากมาย (อ้างอิงที่ 2)
สรุปคุณประโยชน์ของแครนเบอรี่กับงานวิจัยทางการแพทย์
ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
1.สารสกัดจากแครนเบอรี่นั้น ถูกใช้ในการรักษาและป้องกันโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ (UTis) มาเป็นระยะเวลานานแล้วในด้านกลไกในการยับยั้งการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นั้นยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดแต่มีงานวิจัยสนับสนุนว่า Proanthocyanidins (cPACs) ที่พบมากในแครนเบอรี่นั้นจะไปยับยั้ง flagella ที่ใช้สำหรับเคลื่อนที่ของ Uropathogenic Escherichia coli (UPEC) ทำให้ความสามารถในการเคลื่อนที่และจับรวมกลุ่มกันของ UPEC ลดลง จึงช่วยป้องกันโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ (UTis) ได้ (อ้างอิงที่ 3-5)
2.ผู้หญิงที่รับสารสกัดจากแครนเบอรี่ต่อเนื่องกัน สามารถจะช่วยยับยั้งการยึดเกาะตัวของ E.coli ได้อย่างมีนัยสำคัญ (p value <0.0001) เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้รับสารสกัดจากผลแครนเบอรี่ (อ้างอิงที่ 6)
3.เด็กและสตรีผู้สูงอายุ เมื่อรับประทานน้ำแครนเบอรี่ต่อเนื่องกันสามารถลดการติดเชื้อซ้ำๆ บ่อยๆ ของโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญ (อ้างอิงที่ 7-8)
4.การรับประทานสารสกัดจากแครนเบอรี่ 500 มิลลิกรัม เพื่อเปรียบเทียบกับยา Trimethoprim ในการป้องกันการเป็นซ้ำของโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบในผู้หญิงวัยสูงอายุเป็น ระยะเวลา 6 เดือน พบว่าสารสกัดจากแครนเบอรี่สามารถป้องกันได้ แต่ได้ผลต่ำกว่ายา Trimethoprim อย่างไรก็ตามผู้สูงอายุให้การยอมรับสารสกัดจากแครนเบอรี่มากกว่ายา Trimethoprim เนื่องจากสารสกัดจากแครนเบอรี่เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งให้ผลข้างเคียงต่ำกว่าในการทำให้เชื้อดื้อยา และการเกิดการติดเชื้อราและ Clostridium difucile ซ้ำซ้อน เมื่อเทียบกับยา Trimethoprim อีกทั้งยังมีราคาถูกกว่าอีกด้วย (อ้างอิงที่ 9)
5.การดื่มน้ำแครนเบอรี่ 500 มิลลิกรัม แล้วดื่มน้ำตาม 1,500 มิลลิกรัม (1.5 ลิตร) ในผู้ชายแอฟริกาใต้ สามารถป้องกันการตกตะกอนของ Calcium oxalate ที่เป็นสาเหตุของนิ่วที่ไตได้อย่างมีไนสำคัญ เมื่อเทียบกับการดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว (อ้างอิงที่ 10)
ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
1.การรับประทานแครนเบอรี่ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่ม Flavonoids (แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ฟลาโวนอล (Flavonoids) และโปรแอนโธไซยานิดิน (Proanthocyanidins) โดยที่ Flavonoids จะไปยับยั้งปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของโคเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL) ทำให้ป้องกันการเกิด Oxidized LDL ที่เป็นสาเหตุของหลอดเลือดตีบและอุดตันได้ (อ้างอิงที่ 11)
2.สารต้านอนุมูลอิสระจากแครนเบอรี่ สามารถเหนี่ยวนำให้ตัวรับ LDL ที่ตับทำงานมากขึ้น เป็นผลทำให้เพิ่มการขับออกของ LDL จากระบบไหลเวียนของเลือดและเพิ่มการนำโคเลสเตอรอลเข้าสู้เซลล์ตับเพื่อขับออกได้ จึงลดโคเลสเตอรอลได้ (อ้างอิงที่ 12)
สุขภาพในช่องปาก
1.น้ำแครนเบอรี่มีส่วนประกอบของ High molecular weight non-dialyzable material (NDM) ซึ่งสามารถยับยั้งการยึดเกาะและการรวมตัวกันของแบคที่เรียในช่องปากหลายชนิด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคทางช่องปาก การเกิดคราบหินปูนและจุลินทรีย์บนผิวฟันได้ (อ้างอิงที่ 13-15)
2.Proanthocyanidins ที่ได้จากน้ำแครนเบอรี่เข้มข้นนั้นสามารถลดสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ (Inflammatoty mediator) ที่สร้างมาจากเซลล์ gingival fibroblasts เช่น interieukin (IL-6,IL-8) และ PGE(2) ในโรคปริทันต์ (Perlodontitis) เป็นผลให้สามารถลดขบวนการอักเสบได้ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดี ที่จะพัฒนาเป็นสารช่วยในการรักษาโรคปริทันต์ (Perlodontitis) ต่อไป (อ้างอิงที่ 16)
โรคมะเร็ง
1.Proanthocyanidisn ที่พบมากใน Cranberry นั้น พบว่ามีการทดสอบในหลอดทดลองว่ามีผลในการทำลายเซลล์มะเร็งรังไข่ได้ โดยจากการทดลองพบว่าการให้ Proanthocyanidisn เดี่ยวๆ จะเหนี่ยนำให้เซลล์มะเร็งตายลง (Apoptatic change) หรือเมื่อให้ร่วมกับยารักษามะเร็งรังไข่ (Paraplatin) จะเสริมฤทธิ์ยารักษาในการลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ (อ้างอิงที่ 17)
2.การให้น้ำแครนเบอรี่วันละ 250 ml ร่วมกับการได้รับยาฆ่าเชื้อในกระเพาะอาหาร สามารถเพิ่มอัตราการทำลายเชื้อได้สูงขึ้น ในเพศหญิงผู้ป่วยที่ติดเชื้อ Helicobacter pylori (H.pylori) ทั้งนี้ H.Pylori เป็นเชื้อที่พบในกระเพาะอาหารได้ (อ้างอิงที่ 18)
3.การให้น้ำแครนเบอรี่ 250 ml ในผู้ติดเชื้อ H.Pylori โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลองที่ได้รับน้ำแครนเบอรี่ และกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับน้ำแครนเบอรี่ ผลปรากฏว่ากลุ่มทดลองที่ได้รับน้ำแครนเบอรี่ สามารถที่จะยับยั้งการติดเชื้อ H.Pylori ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับน้ำแครนเบอรี่ (อ้างอิงที่ 19-20)
4.Proanthocyanidins ที่พบมากใน Cranberry นั้น สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของยีนมะเร็งและนำไปสู่การตายของเซลล์มะเร็ง ปอด (rapid induce of apoptosis) (อ้างอิงที่ 21)
5.Cranberry ประกอบไปด้วยสารพฤกษเคมี (Phytochemicals) โดยที่สารประกอบ Flavonoids (Proanthocyanidins) เป็นตัวที่กล่าวถึง ในการเหนี่ยวนำให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis) โดยจากการศึกษาพบว่า Proanthocyanidins เป็นสารที่ยับยั้งกลไกการเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากด้วยหลายกลไก และพบว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะพัฒนาเป็นยาต้านมะเร็งต่อไป (อ้างอิงที่ 22-24)
ข้อควรระวัง
การรับประทานน้ำแครนเบอรี่มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรรับประทานมากเกินไป ในผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด (Warfarin) เนื่องจากมีงานวิจัย พบว่า การรับประทานน้ำแครนเบอรี่มากกว่าวันละ 1.42 ลิตร มีผลทำให้มีโอกาสเลือดออกภายในได้ (Hemorrhage) อย่างไรก็ตามหากรับประทานแต่น้อยจะไม่มีอันตราย เนื่องจากมีงานวิจัยสนับสนุนว่าการรับประทานน้ำแครนเบอรี่วันละ 240 มิลลิลิตร วันละ 2 ครั้งติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ในผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด (Warfarin) ไม่มีอันตราย จากภาวะเลือดออกภายในแต่อย่างใด (อ้างอิงที่ 25-26)
น้ำแครนเบอรี่ กิฟฟารีน
วิธีรับประทาน : รับประทานโดยตรง หรือเจือจางด้วยน้ำเย็น
วิธีเจือจาง : น้ำแครนเบอรี่สกัดเข้มข้นผสมน้ำองุ่น 2 ส่วน ต่อน้ำเย็น 1 ส่วน
หมายเหตุ ผลิตจากน้ำแครนเบอรี่อาจมีการตกตะกอนธรรมชาติ ไม่มีผลต่อคุณภาพของน้ำแครนเบอรี่ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ขนาด 700 มล.
ราคาปกติ : 640 บาท
ราคาสมาชิก : 480 บาท (480 PV)
สามารถนำรหัสสมาชิก 48004219 ไปซื้อได้ที่ศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 090-0491594 / Line id : praewza
Fanpage : WeLoveGiffarine
Email : mai-mee-jai@hotmail.com
สมัครสมาชิกกิฟฟารีนป้อนข้อมูลที่นี่ค่ะ
เอกสารอ้างอิง
1.แครนเบอร์รี่ดีกับสุขภาพจริงหรือ, ดร.นัฐพล ตั้งสุภูมิ, สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล
http://www.inmu.mahidol.ac.th/th/
2.Cranberry and its phytochemicals: a review of in vitro anticancer studies. J Nutr. 2007 Jan;137 (1 Suppl):186S-193S
3.Cranberry Materials lnhibit Escherichia coll CFT073 fliC Expression and Motillty. Appl Environ Microbiol. 2011 Aug 5. (Epub ahead of print)
4. A-type cranberry proanthocyanidins and uropathogenic bacterial anti-adhesion activity. Phytochemistry. 2005 Sep;66(18):2281-91
5. Inhibition of adherence of multi-drug resistant E. coli by proanthocyanidin. Urol Res. 2011 Jun 19
6. Inhibitory activity of cranberry extract on the bacterial adhesiveness in the urine of women: an ex-vivo study. Int J Immunopathol Pharmacol. 2010 Apr-Jun;23(2):611-8
7. Overview on cranberry and urinary tract infections in females. J Clin Gastroenterol. 2010 Sep;44 Suppl 1:S61-2
8. Cranberry juice for the prevention of recurrent urinary tract infections: a randomized controlled trial in children. Scand J Urol Nephrol. 2009;43(5):369-72
9. Cranberry or trimethoprim for the prevention of recurrent urinary tract infections? A randomized controlled trial in older women. J Antimicrob Chemother. 2009 Feb;63(2):389-95. Epub 2008 Nov 28
10. Influence of cranberry juice on the urinary risk factors for calcium oxalate kidney stone formation. BJU Int. 2003 Nov;92(7):765-8
11. Cranberry flavonoids, atherosclerosis and cardiovascular health. Crit Rev Food Sci Nutr. 2002;42(3 Suppl):301-16
12. Cranberries inhibit LDL oxidation and induce LDL receptor expression in hepatocytes. Life Sci. 2005 Aug 26;77(15):1892-901
13. Inhibitory effect of cranberry juice on the colonization of Streptococci species: An in vitro study. J Indian Soc Periodontol. 2011 Jan;15(1):46-50
14. Effect of a high-molecular-weight component of cranberry on constituents of dental biofilm. J Antimicrob Chemother. 2004 Jul;54(1):86-9. Epub 2004 May 26
15. Cranberry polyphenols: potential benefits for dental caries and periodontal disease. J Can Dent Assoc. 2010;76:a130
16. Cranberry components inhibit interleukin-6, interleukin-8, and prostaglandin E production by lipopolysaccharide-activated gingival fibroblasts. Eur J Oral Sci. 2007 Feb;115(1):64-70
17. Cranberry proanthocyanidins are cytotoxic to human cancer cells and sensitize platinum-resistant ovarian cancer cells to paraplatin. Phytother Res. 2009 Aug;23(8):1066-74
18. Effect of cranberry juice on eradication of Helicobacter pylori in patients treated with antibiotics and a proton pump inhibitor.Mol Nutr Food Res. 2007 Jun;51(6):746-51
19. Efficacy of cranberry juice on Helicobacter pylori infection: a double-blind, randomized placebo-controlled trial. Helicobacter. 2005 Apr;10(2):139-45
20. Growth inhibitory action of cranberry on Helicobacter pylori. J Gastroenterol Hepatol. 2008 Dec;23 Suppl 2:S175-80
21. Cranberry proanthocyanidins mediate growth arrest of lung cancer cells through modulation of gene expression and rapid induction of apoptosis. Molecules. 2011 Mar 11;16(3):2375-90
22. North American cranberry (Vaccinium macrocarpon) stimulates apoptotic pathways in DU145 human prostate cancer cells in vitro. Nutr Cancer. 2011 Jan;63(1):109-20
23. Proanthocyanidins from the American Cranberry (Vaccinium macrocarpon) inhibit matrix metalloproteinase-2 and matrix metalloproteinase-9 activity in human prostate cancer cells via alterations in multiple cellular signalling pathways. J Cell Biochem. 2010 Oct 15;111(3):742-54
24. North American cranberry (Vaccinium macrocarpon) stimulates apoptotic pathways in DU145 human prostate cancer cells in vitro. Nutr Cancer. 2011 Jan;63(1):109-20
25. Effect of high-dose cranberry juice on the pharmacodynamics of warfarin in patients. Br J Clin Pharmacol. 2010 Jul;70(1):139-42
26. Warfarin-cranberry juice interaction. Ann Pharmacother. 2011 Mar;45(3):e17. Epub 2011 Mar 1