เปี่ยมด้วยคุณค่า

• เสริมแคลเซียมและแร่ธาตุที่สกัดจากสาหร่ายทะเลสีแดงพันธุ์ Lithothamnium sp.    
• น้ำสตรอเบอร์รี่เข้มข้น อุดมไปด้วยวิตามิน ซี และสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง  
• เสริมคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพด้วยวิตามินดี 3
• ใช้ซูคราโลสและสติวิออลไกลโคไซด์เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

คลิ๊กที่รูปเพื่อขยาย

แคลเซียมใน Sea Min Drink เป็นแคลเซียมจากท้องทะเลลึกที่ค่อยๆ ตกผลึกสะสมบนสาหร่ายทะเลสีแดง จึงมีโครงสร้างเป็นรูพรุนคล้ายรังผึ้ง ซึ่งมีพื้นที่สัมผัสมากกว่าแร่จากหินปูน 10 เท่า
จึงทำให้แคลเซียมใน Sea Min Drink ละลายง่ายและดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซียมทั่วไป และมากไปกว่านั้น ในสาหร่ายทะเลสีแดง ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุกว่า 72 ชนิด ที่ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียม และมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของเซลล์ซึ่งเป็นสาเหตุของ ปัญหาผิวพรรณ รอยเหี่ยวย่น และการเกิดมะเร็งต่างๆ ที่เกิดจากการอักเสบ เป็นต้น

“ไขข้อ” ข้องใจ ทำไมต้อง Sea Min Drink

Q : ทำไม Giffarine Sea Min Drink ถึงช่วยชะลอวัย
A : ด้วยคุณสมบัติการลดการอักเสบของแร่ธาตุ 72 ชนิด จากสาหร่ายทะเลสีแดง จึงทำให้ Sea Min Drink ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์อันเนื่องมาจากการอักเสบ ซึ่งรวมทั้งเซลล์ผิวหนัง จึงทำให้ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้ผิวกระจ่างใส และแข็งแรงขึ้น

Q : ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานสามารถดื่มได้หรือไม่
A : ในผู้ป่วยเบาหวาน ที่มีค่าน้ำตาลตอนเช้าไม่เกิน 160 มิลลิกรัม/เดซิลิตร สามารถดื่มได้ตามปกติ เพราะใช้ซูคราโลส สารให้ความหวานแทนน้ำตาล

Q : ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก สามารถดื่มได้หรือไม่
A : สามารถดื่มได้ เพราะ 1 ซอง ให้พลังงานเพียง 25 kcal แต่อย่างไรก็ตาม ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

Q : เด็กสามารถดื่มได้หรือไม่
A : เด็กอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปยิ่งควรดื่ม เพราะช่วยสร้างมวลกระดูกเริ่มต้น ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ทั้งยังช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูก

Q : ทำไม Sea Min Drink จึงลดอาการปวดข้อ ปวดเข่าได้
A : แร่ธาตุ 72 ชนิดจากสาหร่ายทะเลสีแดงมีงานวิจัยที่ชัดเจนว่า สามารถลดการอักเสบ และช่วยลดอาการปวดข้อและข้อติดขัดในผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมได้เป็นอย่างดี

Q : ดื่ม Sea Min Drink ตอนไหน
A : การรับประทานแคลเซียมคาร์บอเนตแบบเม็ดทั่วไป ต้องรับประทานคู่กับอาหารเพื่อช่วยในการดูดซึม แต่ถ้าเป็นแคลเซียมรูปแบบสารละลายอย่าง Sea Min Drink จะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายกว่า จึงสามารถดื่มตอนไหนก็ได้ โดยแนะนำให้ดื่มครั้งละ 1 ซอง และดื่มได้อย่างต่อเนื่อง

แคลเซียมคือ อะไร ?

         โดยปกติแล้ว แคลเซียมทั่วไป คือ แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) ซึ่งทำมาจากหินปูน หรือเปลือกหอย

          แคลเซียมชนิดนี้มีปริมาณแคลเซียมอยู่ประมาณ 40% แต่อัตราการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายค่อนข้างต่ำและต้องการภาวะกรดของกระเพาะอาหารในการแตกตัวและดูดซึม แคลเซียมคาร์บอนเนต อาจทำให้มีอาการท้องอืด ไม่สบายท้อง บางรายจะมีอาการท้องผูกมาก (อ้างอิง 2)

          เมื่อดูดซึมไม่ได้ทั้งหมด ส่วนที่เหลือบางส่วนจะถูกขับออกมากับการขับถ่าย แต่ส่วนที่ขับออกไม่หมดจะสะสมในร่างกาย ซึ่งถ้าได้รับการสะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้มีความเสี่ยงโรคนิ่วในไตได้

          การรับประทานแคลเซียมคาร์บอเนต ให้ได้ผลดีขึ้นจึงควรทานคู่กับวิตามินดี 3 และแมกนีเซียม เนื่องจากวิตามิน ดี 3 เสริมประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียมให้ดีขึ้น

          แมกนีเซียมจำเป็นสำหรับการเติบโตของกระดูก การส่งสัญญาณทางประสาท และการหดตัวของกล้ามเนื้อ การได้รับแมกนีเซียมในขนาดที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง (และการให้แมกนีเซียมคู่กับแคลเซียม ยังช่วยลดการสะสมของแคลเซียมในผนังเส้นเลือดอีกด้วย)

ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับประจำวันในแต่ละช่วงอายุต่อวัน

• เด็กเล็ก                                                          600 มก.
• เด็ก                                                                800 มก.
• วัยรุ่น                                                            1,200 มก.
• ผู้ใหญ่                                                          1,000 มก.
• สตรีหลังหมดประจำเดือน                     1,500 – 2,000 มก.

ปัจจัยที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ (อ้างอิง 1)

          1. ฟอสฟอรัสในอาหารที่มากกว่าปกติอาจยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมได้  เช่น การรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ซึ่งมีฟอสฟอรัสสูงเพิ่มขึ้นแต่รับประทานอาหารประเภทนมซึ่งมีแคลเซียมมากลดลง มีผลทำให้การดูดซึมแคลเซียมจากนมลดลง

          2. อาหารที่มีใยอาหารสูง  เช่น พืชผักมักมีเกลือออกซาเลตและเกลือไฟเตตอยู่มาก ทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลงไป และใยอาหารยังมีกรดยูโรนิก (Uronic acid) ซึ่งสามารถรวมตัวกับแคลเซียมมีผลทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลงไปเช่นเดียวกัน

          3. อาหารที่มีไขมันสูงทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลง เนื่องจากแคลเซียมสามารถรวมตัวกับกรดไขมันได้เป็นเกลือของกรดไขมัน ทำให้ไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมได้

          4. ปัจจัยอื่นๆ  เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด การสูบบุหรี่จัด การดื่มกาแฟมาก และการบีบตัวของลำไส้ทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลงได้

 .

ซี มิน ดริ๊งค์ กิฟฟารีน  Giffarine Sea Min Drink
เครื่องดื่มน้ำสตรอเบอร์รี่ 30% ผสมแคลเซียมจากสาหร่ายสีแดง และวิตามินดี 3 (ตรากิฟฟารีน)

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ

• น้ำสตรอเบอร์รี่เข้มข้น                           3.9700 %
• ฟรุกโตส                                               1.6667 %
• กรดมาลิก                                             0.7500 %
• กรดซิตริก                                             0.5000 % 
• แคลเซียมและแมกนีเซียม                     0.4167 % 
• โซเดียมซิเตรท                                      0.3749 % 
• วิตามินดี 3                                           0.0011 %