ว่านชักมดลูก กิฟฟารีน
เรื่องน่ารู้ของว่านชักมดลูก
ว่านชักมดลูก มีสองสายพันธุ์หลัก คือสายพันธ์ที่มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Curcuma xanthorrhiza Roxb. และ Curcuma comosa จัดเป็นไม้ล้มลุกจำพวก ขิงข่า ส่วนที่ใช้ทำเป็นยา คือ ราก ใช้แก้ท้องอืดเฟ้อ และที่ใช้กันมากคือส่วนที่เป็นหัว หรือเหง้า
สรรพคุณตามตำรายาแผนโบราณ
สรรพคุณตามตำราแผนโบราณคือ ชักมดลูกให้เข้าอู่ แก้มดลูกพิการ แก้ปวดมดลูก แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ขับน้ำคาวปลา แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย แก้ริดสีดวงทวาร แก้ไส้เลื่อน ปรุงยาแก้โรคกระเพาะอาหาร ลำไส้ แก้โรคมะเร็ง และฝีภายในต่าง ๆ (อ้างอิงที่ 1)
ข้อมูลการวิจัยที่สำคัญ
ว่านชักมดลูกมีสารสำคัญไม่ต่ำกว่า 50 ชนิด ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่มีงานวิจัย ได้แก่ การลดการอักเสบ โดยมีการใช้เป็นสมุนไพรท้องถิ่นในการแก้ปวด และโรคปวดข้อต่าง ๆ ในอินโดนีเซีย (อ้างอิงที่ 2, 3) ยับยั้งการสังเคราะห์กรดไขมัน ลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งสูง และลดโคเลสเตอรอลในตับของสัตว์ทดลอง (อ้างอิงที่ 4) ยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ (อ้างอิงที่ 1) ยับยั้งการเป็นพิษต่อตับ เมื่อได้รับสารพิษ เช่น อเซตามิโนเฟน หรือคารบอนเตตร้าคลอไรด์ (อ้างอิงที่5) ต้านเชื้อรา (อ้างอิงที่ 6) ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด (อ้างอิงที่ 7) และ มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งน้ำดี (อ้างอิงที่ 1) และยังยับยั้งเซลล์มะเร็งตับของคน (human hepatoma cells, HepG2) โดยยับยั้งการแบ่งตัว (antiproliferative effect) และทำให้เซลล์มะเร็งตับตายเป็นจุด ๆ (apoptosis) ได้ (อ้างอิงที่ 8)
นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ยับยั้งและทำลาย เซลล์มะเร็งเต้านมของคน (antiproliferative effect apoptosis to MCF7 cells) ได้ด้วย (อ้างอิงที่ 9) เช่นเดียวกับขมิ้นชัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งปากมดลูกของคนโดยตรงได้อีกด้วย (antiproliferative effect, apoptosis to cervical cancer cell line HeLa) (อ้างอิงที่ 10) ความสามารถในการต่อต้านเซลล์มะเร็งของว่านชักมดลูกมีมากพอสมควร เพราะว่า ลดการแพร่กระจายของมะเร็งในช่องท้องและมะเร็งปอดได้ แต่ยังเป็นการวิจัยในสัตว์ทดลอง (อ้างอิงที่ 11)
สำหรับรายงานการ วิจัยว่านชักมดลูกในส่วนที่ตรงกับสรรพคุณยาไทยนั้น มีงานวิจัย วิทยานิพนธ์ โดยทดลองในหนู พบว่า สารสำคัญที่พบในว่านชักมดลูกบางชนิด สามารถออกฤทธิ์เสริมการเจริญของเยื่อบุผนังช่องคลอดให้มีผนังหนาขึ้น คล้ายกับได้รับฮอร์โมน เอสโตรเจน และยังมีผลต่อเยื่อบุมดลูกได้คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนอีกด้วย (โดยออกฤทธิ์ ที่ receptor เดียวกันกับของฮอร์โมนเอสโตรเจน) ผู้วิจัยให้ความคิดเห็นว่า อาจจะสามารถใช้เป็นยาเพื่อทดแทนหรือเสริมฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่มีผลต่อมดลูกได้ (อ้างอิงที่ 12)
สรุปวิธีการใช้ว่านชักมดลูก
ควรใช้เพื่อเป็นยารักษาให้ตรงอาการ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดประจำเดือน หรือ สตรี หลังคลอดบุตร เพราะช่วยมดลูกให้เข้าอู่เร็วขึ้น ช่วยขับน้ำคาวปลา ถ้าจะรับประทาน เพื่อหวังผลในด้านอื่น เช่น บำรุงร่างกาย ลดความเสี่ยงมะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก ควรมีการพักระยะ เหมือนยาคุมกำเนิด คือรับประทาน 20 วันเว้นแปดวัน เนื่องจากมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีในร่างกายและมีในยาคุมกำเนิดนั่นเอง แต่ว่านชักมดลูกไม่มีผลคุมกำเนิด ควรรับประทานตามที่กำหนด ไม่ควรรับประทานครั้งละมาก เพราะอาจเกิดประจำเดือนแปรปรวนมามากกว่าปกติได้ ในทำนองกลับกัน ถ้ารับประทานแล้วมีอาการประจำเดือนผิดปกติ หรือประจำเดือนแปรปรวนก็ควรหยุดรับประทาน
ข้อห้าม
เนื่องจาก ว่านชักมดลูก มีส่วนในการช่วยขับน้ำดี จึงไม่ควรรับประทาน ในผู้ที่ท่อน้ำดีอุดตัน หรือมีนิ่วในถุงน้ำดี และพบว่า เนื่องจากมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด แม้จะเป็นงานวิจัยในกระต่ายก็ตาม (อ้างอิงที่ 13) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด จึงไม่ควรรับประทานร่วมกับยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน และยาละลายลิ่มเลือด ทุกชนิด
ว่านชักมดลูก กิฟฟารีน ยาสตรีว่านชักมดลูก Ya Satree Wan-Chakmotluk
ยาสตรีว่านชักมดลูก ส่วนประกอบสำคัญ ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย :
- ว่านชักมดลูก 150 มก.
- โกศเขียง 15 มก.
- ฝาง 45 มก.
- ไพล 30 มก.
- ขิง 15 มก.
- พริกไทย 15 มก.
- ดีปลี 15 มก.
- เทียนดำ 15 มก.
วิธีรับประทาน : รับประทานครั้งละ 2-3 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
สรรพคุณ : บรรเทาอาการประจำเดือนไม่ปกติ ขับน้ำคาวปลา ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ
ฆอ. 1638/2550
รหัสสินค้า : 79204
ขนาด : 30 แคปซูล
ราคาปกติ : 360 บาท
สามารถนำรหัสสมาชิก 48004219 ไปซื้อได้ที่ศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : WeLoveGiffarine
Email : mai-mee-jai@hotmail.com
โทร. 090-0491594
Line : @welove.giffarine
รับสมัครตัวแทนทั่วประเทศ
เอกสารอ้างอิง:
1. จุลสารข้อมูลสมุนไพร ปีที่ 19 ฉบับที่ 3 เมษายน 2545 เรื่องว่านชักมดลูก
2. Three non-phen diarylheptanolds with anti-inflammatory activty from curcuma xanthorrhiza Planta Med 1993:59(5):451-4
3. Antiinflammatory effect of Curcuma xanthorrhiza Roxb. and its actvo principles Chem Pharm Bull (Tokyo) 1990 :1045-8.
4. Effects of Curcuma xanthorrhiza Roxb. and curcuminoids on the eve of serum and liver lipids, serum apolipoprotein A l and lipogenic enzymu in rats, Food Chem Toxicol. 1993 13-8.
5. Protective and therapeutic effects of Curcuma xanthorrhiza on hepoto,orr induced liver damage. Am J Chln Med. 1995:23 3-4):243-54.
6. in vitro antimycotic activity of xanthorrhizol isolated from curcurna xonthorrhiza Roxb. against opportunistic filamentous fungi. Phytother Res 2007 May 21(5):434-8.
7. Antibacterial activity of xanthorrhizol from Curcuma xanthorrhiza agoist ord pathogens. Fitoterapia, 2000 Jun 71(3):321-3
8. Regulation of p53-. Bcl-2- and caspase-dependent signaling pathway xanthorrhizolinduced apoptosis of HepG2 hepatoma cells. Anticancer Res 2007 Mar-Apr 27(2):965-71
9. Xanthorrhizol exhibits antiproliferative activity on MCF-7 breast cancer cells via apoptosis induction, Anticancer Res. 2006 Nov.Dec:26(6B):4527-34
10. xanthorrhizol induces apoptosis via the up-regulation of bax and pss n Hela cells Anticancer Res. 2005 May-Jun:2503B):2221-7
11. xanthorrhizol, a natural sesquiterpenoid from curcuma xanthomhzo. an, ant-metastatic potential in experimental mouse lung metostosa model Biochem Biophys Res Commun, 2005 Jan 7.326(1): 210-7 21 umnu 2533. inhibitory effects of compounds from species on plate eage ‘activating factor receptor binding. Phytother Res 200d D a
12. ฤทธิ์ของว่านชักมดลูกต่อมดลูก. สุวรรณา เอื้อจารุพร. มหาวิทยาลัยมหิดล. 27 ธันวาคม 2533
13. inhibitory effects of compounds from Zingiberaceae species on platelet activating factor receptor binding. Phytother Res. 2004 Dec.18(12) 1005-7